วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

Siam on a plane เรื้อนฉกเที่ยวบินระทึก

และแล้วก็ได้จับคอมซักทีหลังจากทนความหนาวและอื่นๆอีกมากมาย
ย้อนกลับไปที่สุวรรณภูมิ
ทางAFS เขานัดไว้ว่าจะต้องมา4ทุ่ม40 เพื่อจะเช็คอินเข้าเกตและขึ้นเครื่องตอนตี1 40นาที
แต่แล้วก็ทำให้รู้ว่ากูยังทำบุญมาไม่ดีพอ
ไฟล์ดีเลย์ไปเป็นตี 4  !! (อารมณ์ตอนนั้นอยากจะเอารอนสันเผาบ้านพนักงาน)
แต่ก็ต่อรองเปลี่ยนสายการบินไปใช้Emirate Air  ซึ่งก็คงไม่ต่างกันมากนัก
พอเราเข้า ตม เสดก็ใส่ตีนหมาวิ่งไปที่ E4 เพื่อเข้าไปรอเครื่องบินมาจอด
(ตอนตรวจกระเป๋าแครี่แบ้ก ไอ้พร้อมโดนยึดยาสีฟันไปสองหลอด และก็มานั่งร้องไห้ในเครื่อง
น่าฉงฉานยิ่งนัก)


พอขึ้นเครื่องเส็ดป้าป เราก็นั่งน้ำตาไหลดูภาพกรุงเทพเป็นครั้งสุดท้ายและมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนแห่งน้ำมัน
(ดูไบ) เพื่อจะไปต่อเครื่องเพื่อบินไปโคเปนเฮเกน ซึ่งระหว่างทางจากกรุงเทพไปดูไบนั้นใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงซึ่งต่างคนก็อ่อนเพลียเพราะกว่าจะเคลียปัญหาเรื่องเครื่องบินและอื่นๆอีกมากมายก็ล่อไปถึง ตี4

หลับไปได้ซักพักเหมือนว่าจะมีมือนุ่มๆของแอร์มาสัมผัสกะบาล(กูล้อเล่น) และเรียกพวกเราทานอาหารเช้าซึ่งเป็นสปาเก็ตตี้กุ้งกับอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทุกคนทานไม่หมด แต่ไอ้อาทแดกจนหมด(ตะกละเหี้ยๆ)
พออาหารเข้าปากได้ซักพักก็ถึงดูไบซึ่งสนามบินแม่งก็ใหญ่ดีนะ แต่ห้องขี้สกปรกสัสๆ(เห็นปุ้ปกูหายปวดขี้เลย แสสส)

ระหว่างที่พนักงานกำลังตรวจตั๋วอยู่นั้นเขาก็ถามว่าทำไมคนไทยถึงออกมาสู้กันเอง เราก็เลยตอบไปด้วยความอินโนเซ็นว่า "I'm fine thank you and you?"
ซึ่งพนักงานก็ทำหน้างงเฮียๆใส่และก็ปล่อยเราไป ซึ่งเราก็ผ่านมาได้และขึ้นเครื่องบินไปสู่ดินแดนแห่งโคนม โคเปนแฮเกน !!!!!!!!!!!




วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

ที่มาของ ART SH DENMARK: สอบข้อเขียน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของกู

"อืม...  กูอยากไปญี่ปุ่นหว่ะ" เป็นประโยคของชายที่พูดลอยๆในกลางดึกคืนนึง
ขณะที่เขานั่งฟังเพลง Omen Of Love ของวง T-Square ซึ่งเป็นวงโปรดของผม

ไหนๆมันก็ไม่เสียหาย ลองขอพระมารดาว่าอยากไปเรียนญี่ปุ่น คำตอบที่ได้ก็บอกว่า
"ลองหาทางเอา ไปสอบสิ"
สิ่งแรกที่ผุดออกมานหัวคือ ขนาดวิชาอังกฤษเพรียวๆมันยังเน่าเลย จะเอาไรกะญี่ปุ่น
เกรดก็เลข2 กลางๆอยู่เลยว่าแล้วก็นอนคิดต่อ
"ลองไปก็ไม่เห็นเสียหาย อย่างน้อยก็ได้ลองล่ะวะ"
เมื่อสิ้นความคิดนี้ก็เลยเปิดคอมหาที่โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน พอเปิดเท่านั้นแหละ
"ค๘ย" ผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเหมือนใครเหยียบตีน แม่งมีของที่นึงที่สอบแค่ภาษาอังกฤษ
และเกรดเอาแค่2.5เอง และโครงการนั้นคือ AFS

"พี่ ผมอยากสอบอะพี่จอยคิดว่าไง"ผมถามในเฟสบุ้คกะรุ่นพี่หน้าโหนก นามว่า พี่จอย นบ.
"พี่ก็สนใจนะอาท ลองดูไหม" พี่จอยตอบ
 "งั้นเดียวพรุ่งนี้ผมไปลองขอใบสมัคร" ผมก็บอกด้วยสีหน้ามุ่งมัน ปนเงี่ยน(เงี่ยนเพราะอยากสอบ)
เช้าวันถัดมาที่โรงเรียนนาดาวบางกอก ผมก็ไปคุยกับอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษผม ชื่อ มิสพัชรินทร์
ซึ่งมิสกะผมเรารู้ๆกันอยู่ว่าภาษาอังกฤษผมเป็นยังไง (สอบDictation ทั้งภาคเรียน 100 คำ ถูก   7  คำโหดสัสไหมละมึง) มิสเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ให้สมัครแต่ก็รู้ในใจอะนะว่ามิสเขาแอบด่าเล็กน้อย

เชี่ย! เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน จะทำไงดีวะ
ผมก็เริ่มขยันมากขึ้น จากที่นั่งเล่นเกมถึงตี1 ก็เปลี่ยนเป็นอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแทน จนคนที่บ้านเริ่มสงสัยว่าติดยา 555 เพราะตื่นมาหน้าตาอิดโรย คล้ายรมควันอโรม่ามาทั้งคืน แถมยังสั่งหนังสือมาอ่านตั้งหลายเล่ม และก็หาข้อสอบเก่าของAFSรุ่น 48 49 50 51 52 มานั่งทำ
สิ่งที่ปรากฎออกมาหลังจากทำข้อสบเก่าคือ
35 เต็ม 100 
ผมก็เริ่มเข้าใจสถานะภาพของตนเองตอนนั้นเลยขยันแบบซอยสุดโคน พกศัพท์ภาษาอังกฤษไปอ่านทั้งวันไม่เรียนและสัสเอ้ยย กูจะไปญี่ปุ่น ไอ้ห่าาาาาา

สิ่งที่ได้คือ ความบ้าบิ่นในการท่องศัพท์ 100 คำภายใน 8 ชม และ 1000 คำภายใน 7 วันแต่ปัจจุบันลืมไปหมดแล้ว

1 เดือนผ่านไป ....
1 คืนก่อนสอบต้องไปเข้าค่ายวงโยทวาทิตของ รร ซึ่งกว่าจะเลิกซ้อมก็ 4 ทุ่มจึงนั่งอ่านหนังสือจนตี1 กะพี่จอย นบ. (ผมเล่นSAXOPHONE ส่วนพี่จอยเล่นViolin) ก็นั่งท่องๆและก็หลับไป....

"พี่อาทตื่นได้แล้ว จะไปสอบนิ" คำพูดของน้องบอสดังออกมาและเอาตีนเขี่ยหน้า"
"ตื่นแล้วๆ" ผมก็ตื่นนอน แปรงฟัน แต่ไม่อาบน้ำ เพราะกล้วความรู้แม่งไหลออก
หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระแม่มารีหน้าโรงเรียนพร้อมกะบนไว้ว่า
"ถ้าสอบติดจะไปกระโดดลงวังมัจฉาโรงเรียน"

เราก็นั่งไปถึงศึกษานารีก่อนเวลาสอบ30 นาทีแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำข้อสอบคือ " ดินสอ" ซึ่งก็หายไปไหนก็ไม่รุเลยไปซื้อประชดชีวิต 4 แท่ง

พอเดินเข้าไปสอบก็เจอกับกระดาดคำตอบพร้อมโจทย์เล่มเดิมๆและโต้ะทรมานนักโทษน่าตาน่ากลัว
พอลงมือทำก็นั่งทำไปได้ซักพักก็บ่นในใจว่า "ไอ้ระยำซั่มแม่"(Mother Fucker)
ก็นั่งอดทนทำไปได้เรื่อย ก็หมดเวลาซะแล้ว

"ชิวๆหว่ะอาท"พี่จอย นบ. กล่าวไว้
"ง่ายมากเลยพี่อาท" น้องเปล กล่าวไว้
"เฉยๆหว่ะเพื่อน" เควิน เพื่อนรักผมกล่าวไว้
"ควย ยากฉิบหาย" ผมกล่าวไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปนน้ำตา

พอเส็ดจากนั้นก็กลับไปซ้อมวงโยตามปกติสุขแต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นน.....

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

ไอ้อาทชี้เป้า!! :เดินซื้อของฝากโฮสต์ ที่สามพราน เย้ย สำเพ็ง เย้ย ถูกแล้ว!!


เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมีคนทักมาในเฟสบุ๊คว่า "มึงซื้อของฝากโฮสต์ยังวะ" ผมก็สะดุดเหมือนโดนดึงหำ "ฉิบหายและอีก7วันเดินทาง" ผมคิดในใจพร้อมกับโทรหาพระมารดา(แม่)ว่าพรุ่งนี้จะไปดูของฝากโฮสต์ แม่ก็ใจดี้ใจดีพาไปที่แหล่งค้ายา เย้ย ของฝากต่างหาก

ของฝากที่จะเอาไปให้โฮสต์แฟมิลี่ควรจะเป็นของที่ขึ้นชื่อที่เป็นวัตถุ ไม่ใช่ซื้อข้าวหลาม หนมโมจิ หมูสะเต๊ะ กล้วยทอด แต่ต้องเป็นของฝากที่ดูดี มีระดับ ซึ่งของมีระดับผู้คนไฮโซมักคิดว่าแพง แต่หารู้ไม่ว่า ไอ้ที่บอกมีระดับนั้น มันมาจากตลาดนัดนั้นเองง

ที่ๆเราจะไปกันคือ สำเพ็ง แหล่งค้าของปลีกมากมาย ที่เกือบจะครบทุกอย่างในสยามประเทศ

เช้ามาก็ออกจากบ้านก็9โมงเช้า.....
รถโล่งเชี้ย(กูนึกว่าเมื่อคืนมีรัฐประหารนะเนี่ย)

ถึงสำเพ็งตอน10โมงเช้า ก็เดินหาของต่างๆมากมาย มีทั้งกระเป๋า นาฬิกา ตุ๊กตายาง(บาบี้) สาระพัดของกุ้กกิ้กเพื่อสรรคสาวน้อยที่สมบูรณ์แบบ (สัสยังจะเล่นอีก) เมื่อเดินไปได้ซักพักก็เจอกับร้านขายเข็มกลัดฝังเพชร

ซึ่งพี่เจ้าของร้านก็อัธยาณัยดีมาก  ไม่กวนตีนเหมือนร้านแถวมาบุญครองที่กูจะเอาโน้น มึงหยิบจิ๋'ป๋องมายัดกู

ร้านนี้มีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งถ้าซื้อส่งจะถูกดีครับ
ก็เช้านี้หมดไปกับร้านนี้8500บาทเพราะ ซื้อเป็นร้อยชิ้นอะคับ(ชิ้นละ60บาทคิดดูเอา)
หากใครไปก็บอกว่าพี่อาทแนะนำมา เขาก็จะถามว่า
"อาทไหนอะครับน้อง" 555555


วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไอ้อาทชี้เป้า!! : 2557 ผ้าขาวม้าครองโลก


หลังจากที่ซื้อ UNIQLO มาได้ไม่นานก็ทำหายเพราะไปเที่ยวที่เขาเขียวแล้วลืมไว้ (ฉิบหายยย!!) พอหลังจากนั้นมาคุณแม่ก็บอกให้ไปเอาตัวรอดเอาละกัน 

ขณะกำลังจะกลับบ้านเห็นลุงเจ้าหน้าที่คนนึงใส่ผ้าหลากหลายสี แลดูเหมือนผ้าลายสก้อต แต่มันไม่ใช่! ซึ่งไม่ใช่ของต่างชาติอื่นใด มันคือ"ผ้าขาวม้า" ของไทยเรานั้นเองงงงง
คนนี้ไม่ใช่ลุงเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด 

ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆแล้วแม่งเป็นผ้าที่อุ่นฉัตรๆมากเลยแหละ แถมมันมีประโยชน์ใช้สอยเยอะมากด้วยขนาดที่กว้างพอให้ปลูกบ้านได้(บ้านกงเต้ก) และมันยังแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของไทยได้ด้วยนะเออ
ยกตัวอย่างเช่น วงESARN DRUMLINE ซึ่งเป็นวงดรัมไลน์ที่ชนะเลิศการประกวดของอเมริกาอีกด้วยนะ

ESARN DRUMLINE

เห้ยๆ มัวโม้อยู้ไดมึงจะสื่ออะไร!!! อ่อขอโทดๆ
เมื่อโบราณมาแล้วชาวอาหรับและชาวอินดี้(เห้ย อินเดีย)ได้ทำการล่าอาณานิคมในแถวทิเบตยาวไปถึงมองโกเลีย ทำให้ต้องเจอสภาพภูมิอากาศต่างๆทั้งร้อนจนไข่เหี่ยว หรือ เย็นจนสันหลังว้าบ ทำให้ต้องพกผ้านี้ไว้กับตนเองเสมอ
ซึ่งประโยชน์ของผ้าขาวม้ามีเยอะมาก เอามาซักนิดหน่อยละกัน
1. ใช้นุ่งอาบน้ำ
2. ทำความสะอาดร่างกาย
3. ใช้ซับเหงื่อ
4. ปูรองนั่ง
5. นอนโพกศีรษะกันแดด
6.โพกศีรษะกันแดด
7. ผูกทำเปล
8. ใช้นุ่งอยู่บ้านแทนกางเกง
9. คาดเอว
10. ห่ม - คลุม ร่างกาย
11. ใช้ห่อของแทนย่าม
12. นุ่งกระโจมอกแทนผ้าถุง
13. ปัดฝุ่น - แมลง - ยุง
14.ใช้มัดแทนเชือก
15. ใช้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
และอื่นๆอีกมากมายกันเลยทีเดียว

หากจะไปหาซื้อนะครับ หาได้ทั่วไปเลย แต่ถ้าหาไม่ได้จริงก็แนะนำให้ไปเดิน JJ mal หรือ ประตูน้ำนะครับ
ถ้าขี้เกียจจนรากงอกก็สั่งได้ในเน็ตครับผม

วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไอ้อาทชี้เป้า!! : หนาวจนแสบไข่ ใช้UNIQLOสิ!!!

เนื่องจากใกล้ปีใหม่แล้ว(เกี่ยวไรวะ)ก็อยากจะทำไรกากๆส่งท้ายเพราะ วันที่กระผมและคณะมโหรี AFS SH DENMARK 53 จะไฟท์บินไปเดนมาร์กวันที่ 1X เดือนมกราคม จึงต้องลองจัดกระเป๋าเพื่อให้รู้ว่าเราขาดเหลืออะไร...
  "ช่วงที่แกมาอะ อากาศคงหนาวที่สุด" รุ่นพี่ DENMARK 52 คนนึงกล่าวไว้  ซึ่งไอ้เราก็นึกว่าแค่ 10 องศาตามประสาของเด็กไทยซึ่งไอ้เราก็คิดว่าคงอารมณ์แบบไปแก้ผ้าเดินที่ดอยเสมอดาว
  "ประมาณ -14 องศา อะน้อง" สิ้นข้อความจากพี่เขาแล้ว ก็ทำให้รู้ว่า "กูคิดผิด" ทำให้การผจญภัยไปซื้อเสื้อกันหนาวเพิ่มได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่13 ธค ที่ผ่านมา.....
ตามข้อมูลและคำบอกเล่าของพี่ๆหลายคนบอกว่าให้หาเสื้อลองจอนไปซัก4ตัว เลยไปเดินดูที่สยาม(คนมีเงินอะทำไงได้)แต่พอเดินไปได้ซักพักนึงเริ่มรู้ตัวว่าสมควรไปเดินแถวๆจตุจักรหรือไม่ก้อโบ้เบ้555 
    พอเดินเข้าห้างเซ็นทรัลเวิลชั้น3ก็เจอกับร้าน uniqlo ซึ่งเห็นราคาก็พอคบค้าสมาคมได้หน่อยเว้ย  ลองจอนแบบใช้เทคโนโลยีกักเก็บความร้อน(heattech) ในราคาเพียง390 บาท เลยซื้อมาแม่ง4ตัวเลย แต่พอเดินๆได้ประมาณ30นาทีก็หมดไป5000กว่าบาท(ถูกพ่องง)

ใน5000 บาทนี้ได้อะไรบ้าง
- ผ้าพันคอสีแดง heat tech 1 ผืน (ตอนซื้ออยากหล่อแบบ Kamen Rider V1)
-กางเกงวอร์ม 2 ตัว 
-เสื้อลองจอน 4 ตัว (ใส่กันหนาวดีครัช)
-หมวกแก้ป  1 ใบ 
-เสื้อกันหนาว 1 ตัว (อุ่นเลย 990 บาทเอง ขนดกสัสๆเลย)
-ถุงเท้า 4 คู่
-ถุงเท้าดับกลิ่นตีน 1 คู่


ซึ่งลองเอาทดสอบกับอุณหภูมิ 10 องศามาแล้วโดยทดสอบโดยใส่ ลองจอน ตามด้วย เสื้อคอกลม  เสื้อกันหนาว ถือว่าอุ่นสบาย อุ่นกายสบายอารมณ์ แต่ถ้าอยากอุ่นใจมาติดต่อผมได้นะครับ ถุ้ย!!!

และสำหรับใครที่บอกว่าบ้านกูอยู่ต่างจังหวัดให้นั่งรถมาก็เปลืองตังค์ฉิบหายเอาผ้าขาวม้าห่อตัวยังถูกกว่าเลยควายเอ้ย!! ผมอยากจะบอกว่าUNIQLO มีสาขาอยู่ในประเทศไทยเยอะมาก
  • UNIQLO Tesco Lotus Phuket Store 
  • UNIQLO CentralPlaza Rama 2 Store
  • UNIQLO CentralFestival Chiangmai Store
  • UNIQLO CentralPlaza ChiangMai Airport Store
  • UNIQLO Promenada Resort Mall Chiang Mai Store
  • UNIQLO Fashion Island Store
  • UNIQLO CentralFestival Pattaya Beach Store
  • UNIQLO CentralPlaza Chaengwattana Store
  • UNIQLO The Mall Bangkapi Store
  • UNIQLO Siam Paragon Store
  • UNIQLO Megabangna Store
  • UNIQLO CentralPlaza Grand Rama 9 Store
  • UNIQLO CentralPlaza Lardprao Store
  • UNIQLO CentralWorld Store
  •  เลือกเอากันได้เลยครับผม สาขาเยอะมาก เผลอๆอาจจะเปิดเยอะกว่าคริสปี้ครีมด้วยซ้ำไป